![]() |
|
ชุดเครื่องเสียงพกพา - เครื่องเสียงเคลื่อนที่ คุณภาพดี ราคาถูกในยุคที่งานอีเว้นท์และกิจกรรมต่างๆ เกิดขึ้นในสถานที่หลากหลาย ชุดเครื่องเสียงพกพากลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าขายของตามตลาด ดีเจเคลื่อนที่ จัดงานแต่งงานกลางแจ้ง งานบุญที่วัด หรือพรีเซนต์งานในสถานที่ที่ไม่มีระบบเสียงติดตั้งถาวร ความท้าทายที่พบบ่อยคือการหาเครื่องเสียงที่มีเสียงดังพอ ใช้งานง่าย แบตเตอรี่อึดทน และที่สำคัญคือเคลื่อนย้ายสะดวก ราคาเครื่องเสียงพกพาในปัจจุบันก็หลากหลายตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับขนาด กำลังขับ และฟีเจอร์ต่างๆ ในบทความนี้เราจะพาคุณทำความรู้จักกับเครื่องเสียงพกพาแบบต่างๆ พร้อมแนะนำวิธีเลือกให้เหมาะกับงานและงบประมาณของคุณ ชุดเครื่องเสียงพกพา คืออะไร และเหมาะกับใครชุดเครื่องเสียงพกพาหรือเครื่องเสียงเคลื่อนที่คือระบบเสียงที่ออกแบบมาให้สามารถเคลื่อนย้ายและใช้งานได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเต้าเสียบไฟฟ้าตลอดเวลา ส่วนใหญ่จะมีแบตเตอรี่ชาร์จได้ในตัว มีล้อลากหรือหูหิ้วสำหรับเคลื่อนย้าย และมีฟังก์ชันครบจบในเครื่องเดียว เช่น มีไมโครโฟนไร้สาย เล่นเพลงผ่าน Bluetooth หรือ USB และมีปุ่มควบคุมพื้นฐานง่ายๆ ที่ไม่ซับซ้อน กลุ่มผู้ใช้งานหลักของเครื่องเสียงพกพาได้แก่ พ่อค้าแม่ค้าขายของในตลาดหรือตามถนน ที่ต้องการประกาศขายสินค้า ดีเจเคลื่อนที่ที่รับงานในสถานที่ต่างๆ ช่างเทคนิคติดตั้งเสียงงานอีเว้นท์ กิจกรรมของโรงเรียนหรือชุมชน งานบุญตามวัด การพรีเซนเทชั่นในที่โล่งหรือสถานที่ที่ไม่มีระบบเสียง รวมถึงนักร้องข้างถนนหรือนักดนตรีที่เล่นตามสถานที่ต่างๆ ความต้องการหลักคือความสะดวก ความทนทาน และเสียงที่ดังพอสำหรับพื้นที่ใช้งาน ประเภทของเครื่องเสียงเคลื่อนที่ แต่ละแบบต่างกันอย่างไรเครื่องเสียงพกพาแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามขนาดและการใช้งาน: ชุดเครื่องเสียงบลูทูธ ขนาดเล็ก-กลางเหมาะสำหรับงานเล็กๆ พื้นที่ 20-50 ตารางเมตร หรือคนไม่เกิน 30-50 คน กำลังขับประมาณ 50-150 วัตต์ น้ำหนักเบา 5-12 กิโลกรัม ใช้แบตได้ 4-8 ชั่วโมง เหมาะกับพ่อค้าแม่ค้าขายของ การนำเสนอขนาดเล็ก หรือปาร์ตี้ครอบครัว ราคาอยู่ที่ 2,000-8,000 บาท ลำโพงเคลื่อนที่ ขนาดกลาง (Portable PA)เหมาะสำหรับงานกลางแจ้ง พื้นที่ 50-150 ตารางเมตร หรือคน 50-200 คน กำลังขับ 200-500 วัตต์ มีล้อลากและหูหิ้ว น้ำหนัก 15-25 กิโลกรัม ใช้แบตได้ 6-12 ชั่วโมง มักมีไมโครโฟนไร้สาย 1-2 ตัว เหมาะกับดีเจเคลื่อนที่ งานวัด งานแต่งงานเล็กๆ งานโรงเรียน ราคาอยู่ที่ 8,000-20,000 บาท ชุดลําโพงกลางแจ้ง ขนาดใหญ่เหมาะสำหรับงานใหญ่ พื้นที่ 200+ ตารางเมตร หรือคน 200-500 คน กำลังขับ 500-1,500 วัตต์ มีล้อขนาดใหญ่ทนทาน น้ำหนัก 25-40 กิโลกรัม ใช้แบตได้ 8-15 ชั่วโมง มีระบบมิกเซอร์ในตัว รองรับไมโครโฟนหลายตัว เหมาะกับงานคอนเสิร์ตเล็ก งานแต่งงานกลางแจ้ง งานออกบูธใหญ่ ราคาอยู่ที่ 20,000-50,000 บาท ชุดคาราโอเกะเคลื่อนที่ออกแบบมาสำหรับการร้องเพลงโดยเฉพาะ มีหน้าจอแสดงเนื้อเพลง รองรับ USB/SD card ที่เก็บเพลงคาราโอเกะ มาพร้อมไมโครโฟนไร้สาย 1-2 ตัว มีปุ่มปรับ Echo และ Reverb เหมาะกับงานเลี้ยงสังสรรค์ ปาร์ตี้ หรือธุรกิจคาราโอเกะเคลื่อนที่ ราคาอยู่ที่ 5,000-25,000 บาท ฟีเจอร์สำคัญที่ต้องมีในชุดเครื่องเสียงพกพาเมื่อเลือกซื้อเครื่องขยายเสียงพกพา ควรพิจารณาฟีเจอร์สำคัญเหล่านี้: อายุแบตเตอรี่และเวลาชาร์จ - นี่คือหัวใจสำคัญที่สุดของเครื่องเสียงพกพา ควรใช้งานได้อย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้งสำหรับการใช้งานทั่วไป แต่ถ้าใช้กับงานที่ยาวนานเช่นงานแต่งงานหรืองานวัด ควรเลือกรุ่นที่ใช้ได้ 8-12 ชั่วโมง เวลาชาร์จก็สำคัญเช่นกันควรไม่เกิน 3-5 ชั่วโมง บางรุ่นรองรับชาร์จในรถด้วย DC 12V ซึ่งมีประโยชน์มาก กำลังขับและความดัง - กำลังขับวัดเป็นวัตต์ (RMS ไม่ใช่ peak) ควรเลือกให้เหมาะกับพื้นที่ใช้งาน สำหรับพื้นที่ในร่ม 20-50 ตารางเมตร ใช้ 80-150 วัตต์ พื้นที่กลางแจ้ง 50-100 ตารางเมตร ใช้ 200-400 วัตต์ และงานใหญ่ 200+ ตารางเมตร ควรใช้ 500 วัตต์ขึ้นไป อย่าลืมว่ากลางแจ้งต้องการกำลังขับสูงกว่าในร่มเพราะเสียงกระจาย น้ำหนักและการเคลื่อนย้าย - ควรมีล้อลากและหูหิ้วที่แข็งแรง สำหรับเครื่องที่หนักกว่า 15 กิโลกรัม ล้อที่ใหญ่และทนทานมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะถ้าต้องใช้งานในพื้นที่ที่ขรุขระหรือต้องขึ้นลงรถบ่อยๆ บางรุ่นมีที่จับแบบยืดหดได้เหมือนกระเป๋าเดินทาง ซึ่งช่วยให้ใช้งานสะดวกมาก การเชื่อมต่อและไมโครโฟน - ควรมี Bluetooth สำหรับเล่นเพลงจากมือถือ USB/SD card สำหรับเพลงที่บันทึกไว้ AUX input สำหรับเชื่อมต่อเครื่องเล่นอื่นๆ และที่สำคัญคือต้องมีช่องเสียบไมโครโฟนอย่างน้อย 1-2 ช่อง ถ้ามาพร้อมไมโครโฟนไร้สายจะยิ่งดี ควรทดสอบคุณภาพไมค์ว่าชัดและไม่มีเสียงรบกวน ความทนทานและกันน้ำ - สำหรับการใช้งานกลางแจ้ง ควรเลือกรุ่นที่ตัวถังแข็งแรง มุมมีการเสริมกันกระแทก และถ้าใช้งานในพื้นที่ที่อาจมีฝนตกหรือชื้น ควรมีระดับกันน้ำอย่างน้อย IPX4 ขึ้นไป ลำโพงและช่องต่างๆ ควรมีฝาปิดกันฝุ่นกันน้ำด้วย วิธีเลือกซื้อเครื่องเสียงพกพา ตามงบและการใช้งานก่อนตัดสินใจซื้อเครื่องขยายเสียงแบบพกพา ควรถามตัวเองก่อนว่าจะใช้งานอะไรเป็นหลัก ถ้าเป็นพ่อค้าแม่ค้าที่ต้องการประกาศขายของ ไม่จำเป็นต้องเน้นคุณภาพเสียงเพลงมาก แต่ต้องการไมโครโฟนที่ชัดและแบตอึด ขนาดกลางพอดี น้ำหนักเบาพอที่จะเคลื่อนย้ายง่าย ถ้าเป็นดีเจหรือรับจัดงาน จะต้องการเสียงเพลงที่คุณภาพดี กำลังขับสูง มีหลายช่องสัญญาณ และทนทานพอสำหรับงานบ่อยๆ ประเมินงบประมาณให้ชัดเจน ถ้างบไม่เกิน 5,000 บาท ให้มองหาลำโพงเคลื่อนที่ขนาดเล็กถึงกลาง ที่มาจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ยี่ห้อดัง แต่ก็ให้คุณภาพเสียงและความทนทานที่ดีพอสำหรับงานทั่วไป ถ้างบ 8,000-15,000 บาท จะได้รุ่นที่ดีขึ้นชัดเจน มีกำลังขับสูงกว่า แบตอึดกว่า และฟีเจอร์ครบครันกว่า ส่วนถ้างบเกิน 15,000 บาท ควรมองหายี่ห้อใหญ่ที่มีศูนย์บริการในไทย เพราะจะได้อะไหล่และซ่อมง่ายในอนาคต อย่าลืมคำนวณค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ไมโครโฟนสำรอง ถ้าที่มาให้คุณภาพไม่ดี ขาตั้งลำโพง ถ้าต้องการยกสูงเพื่อให้เสียงกระจายดีขึ้น สายสัญญาณสำรองกรณีเชื่อมต่อแบบมีสาย และกระเป๋าหรือผ้าคลุมป้องกันฝุ่นและกันฝน สิ่งเหล่านี้อาจเพิ่มงบอีก 1,000-3,000 บาท แต่ช่วยให้ใช้งานได้สะดวกและยืดอายุเครื่องมากขึ้น ช่วงราคาเครื่องเสียงพกพา และยี่ห้อแนะนำช่วงราคา 2,000-5,000 บาท เป็นกลุ่มเริ่มต้นสำหรับการใช้งานเบาๆ เหมาะกับพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย งานเล็กๆ ในบ้าน หรือการนำเสนองานในห้องเล็ก ยี่ห้อที่แนะนำในระดับนี้ เช่น Awei, Koleer, JBL Partybox On-The-Go (รุ่นเล็ก) กำลังขับประมาณ 50-150 วัตต์ ใช้แบตได้ 4-6 ชั่วโมง มักมาพร้อมไมโครโฟนไร้สาย 1 ตัว ช่วงราคา 6,000-15,000 บาท เป็นกลุ่มที่นิยมที่สุดเพราะได้ทั้งคุณภาพและราคาที่สมเหตุสมผล เหมาะกับดีเจเคลื่อนที่ งานอีเว้นท์ขนาดกลาง งานโรงเรียน ยี่ห้อแนะนำ เช่น ION Audio (Block Rocker, Tailgater), JBL (PartyBox series), Soundbox, Temeisheng กำลังขับ 200-500 วัตต์ ใช้แบตได้ 8-12 ชั่วโมง มีล้อลากและหูหิ้วที่แข็งแรง มาพร้อมไมโครโฟนไร้สาย 1-2 ตัว ช่วงราคา 15,000-30,000 บาท เป็นกลุ่มกึ่งมืออาชีพที่ใช้สำหรับงานใหญ่และใช้บ่อย เหมาะกับธุรกิจรับจัดงาน ดีเจมืออาชีพ หรือสถานที่ที่ต้องใช้งานสม่ำเสมอ ยี่ห้อแนะนำ เช่น JBL (EON ONE Compact), Electro-Voice (EVERSE 8), Bose (S1 Pro+), Alto Professional กำลังขับ 500-1,000 วัตต์ คุณภาพเสียงดีเยี่ยม มีระบบมิกเซอร์ในตัว บางรุ่นกันน้ำได้ ช่วงราคา 30,000 บาทขึ้นไป เป็นระดับมืออาชีพสำหรับงานคอนเสิร์ต งานขนาดใหญ่ หรือธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์เสียง ยี่ห้อแนะนำ เช่น JBL Professional, QSC (K.2 Series), Yamaha (STAGEPAS series), Electro-Voice (EVOLVE series) กำลังขับ 1,000+ วัตต์ คุณภาพสร้างระดับคอนเสิร์ต ทนทานมาก มีการรับประกันยาวนาน การดูแลรักษาและเพิ่มอายุการใช้งานการดูแลแบตเตอรี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด หลีกเลี่ยงการปล่อยแบตหมดจนเครื่องดับเอง ควรชาร์จเมื่อเหลือประมาณ 20-30% ถ้าไม่ได้ใช้งานนานเกิน 2 สัปดาห์ ควรชาร์จแบตอย่างน้อยเดือนละครั้งเพื่อไม่ให้แบตเสื่อม อย่าทิ้งเครื่องในที่ร้อนจัดหรือในรถที่จอดแดดทั้งวัน เพราะความร้อนทำลายแบตเตอรี่เร็วมาก ควรเก็บในที่ร่มอุณหภูมิปกติ ทำความสะอาดเป็นประจำ เช็ดตัวเครื่องด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ อย่าใช้น้ำฉีดโดยตรง ทำความสะอาดกริลลำโพงด้วยแปรงนุ่มเพื่อป้องกันฝุ่นสะสม ตรวจเช็คช่องต่างๆ เช่น USB, AUX, ช่องไมค์ ว่ามีฝุ่นหรือสนิมหรือไม่ ถ้ามีให้ทำความสะอาดเบาๆ ด้วยแปรงหรือเป่าด้วยลมอัด อย่าปล่อยให้ความชื้นเข้าไปในช่องต่างๆ เพราะจะทำให้เกิดสนิมและเสียหาย ป้องกันกระแทกและน้ำ แม้เครื่องจะมีล้อและหูหิ้ว แต่ก็ไม่ควรกระแทกหรือทิ้งโยนเครื่อง เพราะลำโพงภายในอาจเสียหายได้ ควรใช้กระเป๋าหรือผ้าคลุมเมื่อเคลื่อนย้ายหรือเก็บ ถ้าใช้กลางแจ้งและฝนตก ควรเตรียมผ้าใบหรือร่มกันฝนไว้ แม้เครื่องจะกันน้ำได้บ้าง แต่ไม่ควรปล่อยให้โดนฝนตกโดยตรงนานๆ ซื้อชุดเครื่องเสียงพกพา ที่ Sound Pro Group ได้อะไรบ้างSound Pro Group เป็นผู้จำหน่ายอุปกรณ์เสียงมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญในระบบเสียงทุกประเภท รวมถึงเครื่องเสียงพกพาหลากหลายยี่ห้อและรุ่น เรามีทีมงานที่พร้อมให้คำปรึกษาเพื่อช่วยคุณเลือกชุดเครื่องเสียงที่เหมาะสมที่สุดกับการใช้งานและงบประมาณของคุณ ไม่ว่าจะเป็นงานขายของ งานอีเว้นท์ งานดีเจ หรืองานพรีเซนเทชั่น เรามีสินค้าที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ คุณสามารถเข้ามาทดลองฟังเสียงและทดสอบการใช้งานจริงได้ที่โชว์รูมของเรา ก่อนตัดสินใจซื้อ เราเข้าใจว่าการเลือกเครื่องเสียงเคลื่อนที่นั้นสำคัญกับการทำงานของคุณ เราจึงมีนโยบายรับประกันสินค้าตามมาตรฐานผู้ผลิต พร้อมบริการหลังการขายที่เป็นมิตร มีศูนย์บริการซ่อมและอะไหล่ครบครัน ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าเครื่องของคุณจะได้รับการดูแลอย่างดีเสมอ เรายังให้คำแนะนำเรื่องอุปกรณ์เสริม เช่น ไมโครโฟนไร้สายคุณภาพดี ขาตั้งลำโพง สายสัญญาณ และกระเป๋าหรือเคสป้องกัน เพื่อให้คุณได้ระบบเสียงที่สมบูรณ์แบบและใช้งานได้อย่างมืออาชีพ นอกจากนี้เรายังมีบริการให้เช่าอุปกรณ์สำหรับงานระยะสั้น ถ้าคุณต้องการทดสอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือต้องการใช้เพียงครั้งคราว ติดต่อเราได้ที่ Sound Pro Group เพื่อเริ่มต้นสร้างประสบการณ์เสียงที่ดีที่สุดสำหรับงานของคุณวันนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| Copyright © 2024 All Rights Reserved. |
![]() |
| Visitors : 5383327 |







